สุดเสี่ยงในการใช้ยาฟุ่มเฟือย
ReadyPlanet.com


สุดเสี่ยงในการใช้ยาฟุ่มเฟือย


สุดเสี่ยงในการใช้ยาฟุ่มเฟือย

          จากการสำรวจพบว่า สังคมไทยในปัจจุบันมีการใช้ยาฟุ่มเฟือยเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใช้ยาในประเทศไทยสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ทั้งที่จำนวนประชากรไทยไม่ได้มากนักเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใช้ยา นอกจากนี้ภาวการณ์ใช้ยาฟุ่มเฟือยยังนำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพต่าง ๆ เช่น คอเลอเตอรอลสูง และอีกหลายๆคนอาจคาดไม่ถึง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรทราบข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองและคนรอบข้างและนำไปสู่การใช้ยาที่เหมาะสมมากขึ้น

การใช้ยาฟุ่มเฟือย ในสังคมไทยปัจจุบันเป็นอย่างไร?

          การใช้ยาฟุ่มเฟือยมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากการจ่ายยาผู้ป่วยนอก การดูแลผู้ป่วยที่หอผู้ป่วยใน รวมถึงการจ่ายยาในร้านขายยา พบว่าผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่มาพบแพทย์มีปัญหาเรื่องการใช้ยาซ้ำซ้อน ใช้ยามากเกินความจำเป็น สังเกตได้จากการที่ยาเดิมเหลืออยู่ปริมาณมาก ไม่ได้รับประทานยาที่รับไปในแต่ละครั้ง หรือมีการเปลี่ยนแปลงวิธีรับประทานยา หยุดยาบางตัวแล้วแต่ยาเดิมยังเหลือ จึงกินซ้ำไปซ้ำมาร่วมกับยาที่แพทย์สั่งให้ปัจจุบัน นอกจากนี้ผู้ป่วยบางรายมีการกักตุนยาจากร้านขายยาไว้ใช้ยามเจ็บป่วย ทำให้เกิดปัญหารับประทานยาซ้ำซ้อนหรือยาหมดอายุตามมา

สาเหตุที่ทำให้คนไทยใช้ยาฟุ่มเฟือย

          คนไทยหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และปัจจุบันการเข้าถึงยาเป็นเรื่องง่าย ยาหลายชนิดสามารถหาซื้อได้เองตามร้านขายยา รวมถึงยาสามัญประจำบ้านบางชนิดยังซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้ออีกด้วย บางครั้งการซื้อยาเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหาการใช้ยาฟุ่มเฟือยตามมา

ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย โดยธรรมชาติของผู้สูงอายุมักมีโรคประจำตัวหลากอย่าง จึงมีความจำเป็นต้องใช้ยาหลายชนิด ส่งผลให้เกิดแนวโน้มการใช้ยาฟุ่มเฟือยได้มาก

ทำความเข้าใจการใช้ยาฟุ่มเฟือย

          การใช้ยาฟุ่มเฟือยทางการแพทย์เรียกว่า “polypharmacy” หมายถึง การใช้ยามากกว่า 5 ชนิดขึ้นไปในการรักษาคน ๆ เดียว ตัวอย่างเช่น ผู้สูงอายุ 1 คน มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ไขมันอุดตัน และโรคความดันโลหิตสูง โดยในโรค 1 โรคไม่ได้ใช้ยาเพียงชนิดเดียว ทำให้ต้องใช้ยาหลากหลายชนิดในการรักษา ซึ่งถือเป็นภาวะ polypharmacy

          นอกจากนี้ การใช้ยาที่ไม่มีข้อบ่งใช้ (ใช้ยาโดยที่ไม่มีความจำเป็น เช่น การใช้ยาฆ่าเชื้อทั้งที่ยังไม่ได้ติดเชื้อ) ใช้ยาในขนาดที่ไม่เหมาะสม ใช้ยาหลายชนิดจนเกิดปัญหายาตีกันเอง หรือใช้ยาจนเกิดอาการข้างเคียงและต้องใช้ยาชนิดอื่นมารักษาอาการข้างเคียงดังกล่าว เช่น กินยาแก้ปวดจนเป็นโรคกระเพาะ จึงต้องใช้ยารักษาโรคกระเพาะที่เกิดจากการกินยาแก้ปวด เป็นต้น

ประเภทของยาที่พบมากว่ามีการใช้ยาฟุ่มเฟือย

ประเภทของยาที่พบว่ามีการใช้ยาฟุ่มเฟือย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มตามประเภทของผู้ใช้ยา ดังนี้

1.ยารักษาโรคเรื้อรัง เช่น ยารักษาโรคเบาหวาน ยารักษาโรคไขมันอุดตันยารักษาโรคความดันโลหิตเป็นต้น พบในผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ

2.ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ (ยาปฏิชีวนะ) พบในคนทั่วไป



ผู้ตั้งกระทู้ ananchait กระทู้ตั้งโดยสมาชิก :: วันที่ลงประกาศ 2022-02-10 20:39:27


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล